CRM (Customer Relationship) ถูกนำมาใช้เป็นแนวทางในการบริหารจัดการองค์กรของท่าน ในยุคที่ต้องฝ่าฟันวิกฤตเศรษฐกิจไปให้ได้ เพราะ CRM จะ เป็นเครื่องมือที่จะช่วยมุ่งเน้นการเพิ่มคุณค่าให้แก่ลูกค้า และสร้างความพึงพอใจให้แก่ลูกค้า ซึ่งเป็นบุคคลสำคัญของเรา ที่จะทำให้ธุรกิจของเราประสบความสำเร็จได้ CRM จะ มุ่งเน้นการให้คุณค่าสูงสุดแก่ลูกค้า เพื่อสร้างความพึงพอใจให้กับลูกค้า โดยการปฏิบัติภายใต้แนวความคิดใหม่ ในช่องทางการจัดจำหน่ายและสื่อที่หลากหลาย ซับซ้อน ตลอดจนเงื่อนไข ต่างๆ ของลูกค้า แนวคิดการทำ CRM อาจไม่ใช่เรื่องใหม่ สำหรับองค์กรที่ให้ความสำคัญกับลูกค้าอยู่แล้ว แต่การทำ CRM โดย ตั้งใจปฏิบัติในขอบเขตที่กว้างขึ้นพร้อมกับยึดหลักตอบสนองความต้องการของ ลูกค้าอาจเป็นเรื่องใหม่สำหรับองค์กรที่ยังไม่ได้ให้ความสำคัญกับลูกค้าเป็น หลัก CRM กลาย เป็นที่นิยมอย่างแพร่หลายในแวดวงธุรกิจปัจจุบัน ด้วยเหตุผลหลายประการ แต่เหตุผลที่เด่นชัดก็คือ ความต้องการสร้างความแตกต่างเพื่อให้สามารถแข่งขันในตลาดได้ และจากตามความคาดหวังที่สูงขึ้นของลูกค้า รวมถึงความก้าวหน้าทางเทคโนโลยี CRM ช่วยสร้างความแตกต่างในการแข่งขันได้ เพราะทุกวันนี้การใช้กลยุทธ์ด้วยตัวสินค้า, ราคา, การส่งเสริมการขาย หรือช่องทางการจัดจำหน่าย ซึ่งเป็นส่วนผสมทางการตลาด หรือ 4Ps ไม่สามารถสร้างความแตกต่างได้เหมือนแต่ก่อนแล้ว ผมขอยกตัวอย่างให้เห็นว่าการตลาดยุคเก่าไม่สามารถสร้างความแตกต่างจากคู่แข่งขันได้ เช่น สินค้า (Product) หลาย องค์กรพบว่าการแข่งขันโดยอาศัยตัวสินค้าเป็นเรื่องยาก เนื่องจากความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีทำให้สามารถผลิตสินค้าเลียนแบบทั้งรูป ลักษณ์และวิธีการใช้งานได้ไม่แตกต่างกัน ในปัจจุบันประเทศจีนเป็นตัวอย่างที่ดีที่สามารถลอกเลียนแบบสินค้าทุกชนิดใน โลกได้ ส่วนราคา (Price) แต่ ก่อนเป็นอีกวิธีหนึ่งที่ใช้สร้างความแตกต่างได้ด้วยการตัดราคา องค์กรที่ใหญ่กว่าสามารถลดต้นทุนได้มากกว่า ก็อาจจะกำหนดราคา ที่ต่ำกว่าคู่แข่งได้ แต่ปัจจุบันคู่แข่งอีกมากมายและแข็งแกร่งพอๆ กัน เมื่อคุณลดราคา คู่แข่งคุณก็อาจจะกลับมาลดได้มากกว่า สำหรับการส่งเสริมการขาย (Promotion) ก็เช่นกัน ทุกวันนี้แต่ละองค์กรก็พยายามออก Campaign ส่งเสริมการขายต่างๆ ลดแลกแจกแถมกันออกมาอย่างต่อเนื่อง แต่เพียงไม่กี่วันคู่แข่งก็สามารถออกมาทำตามได้ ส่วน P สุดท้าย ก็คือ สถานที่จัดจำหน่าย (Place) ก็ เช่นเดียวกัน ไม่ว่าคุณจะพยายามหาช่องทางการขายใหม่ๆ ไม่ว่าจะเป็นทางอินเทอร์เน็ต ทางโทรศัพท์ หรือการขายตรงโดยทีมขายอิสระ ทุกค่ายก็สามารถเข้ามาแข่งขันได้เช่นกัน ทำไมองค์กรของเราจึงต้องทำ CRM อย่าง ที่กล่าวไปแล้ว เพื่อเป็นการสร้างความแตกต่างในการแข่งขัน ประการที่สอง เพราะความ คาดหวังของลูกค้าที่สูงขึ้น เป็นเรื่องที่มิอาจจะละเลยได้ ผู้ที่ต้องการชนะในการแข่งขันก็ต้องขยับมาตรฐานของตนให้สูงขึ้น ใครก็ตามที่ย่ำอยู่กับที่จะทำให้ลูกค้าผิดหวัง และไม่สามารถดึงดูดลูกค้าใหม่ได้ ส่วนเหตุผลประการสุดท้าย ด้านความก้าวหน้าทางเทคโนโลยี มีเครื่องมือที่ทันสมัยในการเก็บรวบรวมข้อมูลต่างๆ ของลูกค้า ช่วยทำให้การทำ CRM มีความเป็นไปได้มากขึ้น ระบบ CRM จึงนำมาใช้ในองค์กรเพื่อบริหารลูกค้ากันอย่างแพร่หลาย องค์กรใดก็ตามที่ไม่ทำ CRM ประสิทธิภาพในการขาย, การให้บริการ และการตลาดก็จะล้าหลังคู่แข่งและไม่สามารถตอบสนองความคาดหวังของลูกค้าได้ ส่วนกระบวนการของ CRM ผมขออนุญาตกล่าวโดยสรุปเนื่องจากพื้นที่ของเรามีจำกัด สิ่งที่จะต้องพิจารณาถึง คือ อันดับแรก การหาสินค้าและบริการที่สามารถตอบสนองความต้องการของลูกค้าได้มากที่สุด โดยอาศัยความเข้าใจว่าลูกค้าของคุณคือใคร ต้องการซื้ออะไร เริ่มต้นจากการบันทึกประวัติส่วนตัวของลูกค้า, การจำแนกกลุ่มลูกค้า (Segmentation), การทำวิจัย (Research) และการประเมินค่าลูกค้าว่าลูกค้าแต่ละกลุ่มมีผลต่อกำไรมากน้อยเพียงใด อันดับสอง การปฏิสัมพันธ์กับลูกค้าและการสร้างคุณค่าให้เพิ่มขึ้นต้องอาศัยการพัฒนาสินค้าและบริการควบคู่ไปด้วย เพื่อให้สามารถตอบสนองความต้องการของลูกค้าให้ได้มากที่สุด และเป็นการป้องกันไม่ให้คู่แข่งเข้ามาแย่งชิงลูกค้าเราไปได้ อันดับสาม การรักษาลูกค้าต้องอาศัยการสร้างคุณค่าเพิ่มให้แก่ลูกค้าและการแสวงหาลูกค้าใหม่ โดยต้องสร้างความสัมพันธ์กับลูกค้า หารือและรับฟังความคิดเห็นของลูกค้า ส่งมอบคุณค่าที่ลูกค้าต้องการอย่างต่อเนื่อง และต้องเข้าใจธรรมชาติของลูกค้าที่เปลี่ยนแปลงได้ตลอดตามแต่ละช่วงอายุ จึงต้องตื่นตัวตลอดเวลา และพร้อมที่จะขยายการบริการและเพิ่มคุณค่าตลอดเวลา เมื่อคุณนำ CRM ไป ใช้ในองค์กรคุณอย่างจริงจัง ผมเชื่อว่าธุรกิจของคุณจะประสบความสำเร็จยิ่งขึ้น และในยุคที่เศรษฐกิจมีความผันผวนเช่นนี้ การรักษาลูกค้าเก่าเอาไว้ให้ได้ก็เก่งแล้ว แต่การแสวงหาลูกค้าใหม่ยิ่งยากกว่าอีก ผมจึงขอฝากไว้เพียงเท่านี้ครับ Credit : โพสต์ทูเดย์ |